Showing posts with label EU. Show all posts
Showing posts with label EU. Show all posts

PlasticsEurope condemns German BPA precautions

Industry trade association PlasticsEurope has hit out at a report published earlier this month by the German Federal Ministry for the Environment (Umweltbundesamt) which recommends that producers and users of bisphenol-A (BPA) adopt alternatives as a precautionary measure.

The Umweltbundesamt report, ‘Bisphenol A: a chemical with adverse effects produced in large quantities’, was published on 9 June. According to PlasticsEurope, its recommendation that BPA producers and users switch to alternatives is a misinterpretation of the EU’s precautionary principle.

“The UBA [Umweltbundesamt] has correctly reported that leading international and national authorities regard the use of BPA-based materials as safe,” PlasticsEurope said in a statement released last week.

“The precautionary principle should only be applied if the insecurities in the assessment of a risk are large, for example, when scientific data is either unavailable or insufficient. However, BPA has an extensive scientific data base available, and experts can assess any risk associated with BPA comparably well.”

การทบทวนระเบียบ WEEE & RoHS ของ EU


เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม คณะกรรมาธิการฯ ได้ออกข่าวเผยแพร่ข้อเสนอปรับปรุงระเบียบว่าด้วยเศษซากของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (หรือ WEEE ) และระเบียบ RoHS โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
ข้อเสนอใหม่ได้ปรับปรุงระเบียบ WEEE และ RoHS ให้มีเป้าหมายสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจัดเก็บสินค้าใช้แล้วเพื่อคืนสภาพให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ของวัสดุ/ชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเพิ่มความสอดคล้องกับระเบียบอื่นๆ ของ EU มากขึ้น
กว่า 4 ปีแล้วหลังจากที่ระเบียบ WEEE และ RoHS ได้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2547 ปรากฎรายงานว่า มีเพียงประมาณหนึ่งในสามของเศษซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับการบำบัดสอดคล้องกับข้อกำหนดในระเบียบ ส่วนอีกสองในสามของเศษซากฯ ถูกนำไปทิ้งเป็นขยะ landfill หรือถูกส่งไปยังโรงบำบัดมาตรฐานต่ำทั้งที่อยู่ในและนอกสหภาพยุโรป ทำให้เกิดการรสูญเสียวัตถุดิบทุติยภูมิอันมีคุณค่าไป และเศษซากผลิตภัณฑ์ฯ ที่ไม่ได้รับการบำบัดอย่างพอเพียงซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ การค้าผิดกฎหมายไปยังประเทศนอกสหภาพฯ ก็ได้แผ่ขยายมากขึ้น รวมทั้งมีการพบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากที่ไม่สอดคล้องกับข้อจำกัดในระเบียบ RoHS
วัตถุประสงค์ของข้อเสนอระเบียบที่ปรับปรุงใหม่คือ เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมของกฎระเบียบให้ดีขึ้น สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพ และใช้บังคับได้ ขอบเขตและคำนิยามของทั้งสองระเบียบจะชัดเจนขึ้น และมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับกฎระเบียบอื่นๆ เช่น Waste Framework Directive และระเบียบ REACH รวมทั้ง “Marketing of Products” package เสริมสร้างการปฏิบัติและการบังคับใช้ข้อกำหนดปัจจุบันและลดภาระด้านการบริหารงานของภาคธุรกิจ
ข้อเสนอระเบียบ RoHS ที่ปรับปรุงใหม่จะครอบคลุมเพิ่มอีก 2 ประเภทสินค้าคือ เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ (medical device) และอุปกรณ์ในการติดตามผลและการควบคุม (monitoring and control instrument) อีกทั้งจะนำระบบ CE label สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ เพื่อให้การปฏิบัติสอดคล้องกับข้อกำหนดของระเบียบกระทำได้ง่ายขึ้น สำหรับรายชื่อสารที่จัดเป็น “priority substances” ของข้อห่วงกังวลในการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จะใช้วิธีการประเมินที่สอดคล้องกับระเบียบ REACH โดยมีความเป็นไปได้ที่สารในรายชื่อดังกล่าวจะถูกห้ามใช้ (ban) ต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ คาดว่าสารที่จะถูกเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดและมีโอกาสถูก ban ต่อไป ตามข้อกำหนดในมาตรา 4 (7) (เพิ่มเติมจากข้อจำกัด/การห้ามใช้สารอันตราย ๖ สารเดิม: Lead, Mercury, Cadmium, Hexavalent Chromium, PBB และ PBDE) ดังรายชื่อปรากฏใน Annex III ของข้อเสนอระเบียบ RoHS ที่ปรับปรุงใหม่ มีจำนวน 4 สาร ได้แก่- Hexabromocyclododecane (HBCDD)- Phthalate (DEHP)- Butylbenzylphthalate (BBP)- Dibutylphthalate (DBPด้านกลไกการยกเว้น (exemption) ขอไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ร่างระเบียบใหม่จะอนุญาตระยะเวลาการยกเว้นสูงสุด 4 ปี แทนการทบทวนเป็นเวลา 4 ปีตามข้อกำหนดเดิม โดยให้ร้องขอต่ออายุได้ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ จะจัดทำกฎระเบียบการยกเว้นในรายละเอียดเพื่อสร้างความแน่นอนแก่ economic operators และกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการยกเว้นใหม่ให้ครอบคลุมถึงการมีให้ใช้และความไว้วางใจได้ในการใช้สารทดแทน (availability and reliability of substitutes) รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมด้วย
ข้อเสนอระเบียบ WEEE ที่ปรับปรุงใหม่ กำหนดเป้าหมายใหม่สำหรับการเก็บรวบรวมเศษซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป้าหมายปัจจุบันกำหนดไว้ที่ 4 กก/คน/ปี ยังไม่สะท้อนสถานการณ์ที่ถูกต้องในประเทศสมาชิกสหภาพ โดยประเทศที่มีการบริโภคเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อย่างกว้างขวางควรมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานมากกว่าประเทศที่มีตลาดเล็กกว่า คณะกรรมาธิการฯ จึงได้เสนอเป้าหมายการเก็บรวบรวมเศษซากไว้ที่ 65% ของน้ำหนักเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ครื่องใช้ไฟฟ้าและะอิเล็กทรอนิกส์ที่วางจำหน่ายในตลาดแต่ละประเทศสมาชิกในช่วงสองปีก่อนหน้า โดยให้เริ่มการบรรลุเป้าหมายที่อัตราใหม่นี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 เป็นต้นไป โดยรัฐสภาและคณะมนตรียุโรปจะพิจารณาเป้าหมายที่อัตรานี้อีกครั้งในปี ค.ศ. 2012 เพื่อกำหนดเป้าหมายสำหรับการแยกเก็บเศษซากอุปกรณ์ทำความเย็นและอุปกรณ์เครื่องแช่แข็งต่างหาก ส่วนเป้าหมายการคืนสภาพ (recovery) การนำกลับมาใช้ใหม่ (recycling) ซึ่งจะรวมถึงการนำกลับมาใช้ประโยชน์อีก (reuse) ของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จะเพิ่มขึ้น 5% รวมทั้งจะมีข้อเสนอให้ตั้งเป้าหมายการคืนสภาพ (recovery) เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ (medical device) ด้วยเช่นเดียวกับเป้าหมายสำหรับอุปกรณ์ในการติดตามผลและการควบคุม (category 9 appliance)
รายละเอียดข่าวคณะกรรมาธิการยุโรปเกี่ยวกับการทบทวนระเบียบ WEEE และ RoHS สามารถดูทางเว็ปไซท์ http://ec.europa.eu/environment/waste/weee/index_en.htm) ร่างข้อเสนอระเบียบ WEEE ฉบับใหม่ที่ http://ec.europa.eu/environment/waste/weee/pdf/com_2008_810.pdf และร่างข้อเสนอระเบียบ RoHS ฉบับใหม่ที่ http://ec.europa.eu/environment/waste/weee/pdf/com_2008_809.pdf
อนึ่ง ข้อเสนอปรับปรุงระเบียบ WEEE และ RoHS ยังต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภาและคณะมนตรียุโรป ก่อนประกาศให้มีผลใช้บังคับ ซึ่ง คาดว่า การพิจารณาดังกล่าวจะเกิดขึ้น ภายหลังการเลือกตั้งผู้แทนรัฐสภายุโรป ในเดือนมิถุนายน ปีหน้า เสร็จเรียบร้อยแล้ว

Thaibe.net

เอาอีกแล้ว EU!!

Non-Tax Barrier

"คณะกรรมาธิการยุโรป โดย DG SANCO ที่ดูแลผู้บริโภคได้แจ้งเรื่องการห้ามใช้สาร Dimethylfumarate (DMF) ในสินค้า consumer products ที่วางขายในสหภาพยุโรป สรุปได้ดังนี้

1. กรณีที่ตรวจพบในสหภาพฯ จนถึงปัจจุบัน คือสาร DMF บรรจุในถุงขนาดเล็ก โดยเฉพาะที่อยู่ในเฟอร์นิเจอร์และกล่องรองเท้าเพื่อฆ่าเชื้อราที่จะทำลายสินค้าในช่วงการขนส่งและการเก็บรักษาในที่มีอากาศชื้น และคาดว่าผู้ผลิต/ผู้ประกอบการไทยอาจมีการใช้สารดังกล่าว

2. แจ้งสถานะของเรื่องนี้ว่า เมื่อวันที่ 29 มกราคม ศกนี้ ประเทศสมาชิกสหภาพฯ ได้ลงคะแนนเสียงเห็นชอบประกาศร่างการตัดสินใจของคณะกรรมาธิการยุโรป ภายใต้คำสั่งว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าทั่วไป (General Product Safety 2001/95/EC) ห้ามการใช้สาร DMF ในสินค้า consumers products เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำตอบถาวรภายใต้ระเบียบ REACH ในเรื่องนี้

3. สาระสำคัญของร่างการตัดสินใจดังกล่าว คือ
- สาร DMF ในสินค้า consumers products ก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงต่อสุขภาพผู้บริโภค
- เบลเยี่ยม สเปน และฝรั่งเศส ได้ออกกฎหมายระดับชาติ เพื่อจัดการกับความเสี่ยงในเรื่องนี้แล้ว
- ยังไม่มีการอนุญาตในสหภาพฯ ให้ใช้สาร DMF ในผลิตภัณฑ์ควบคุม/ฆ่าเชื้อรา (biocidal products) ดังนั้น การพบสาร DMF ในสินค้า consumer product ใดๆ ก็ตาม ถือว่าผิดกฎหมาย EU
- จากเหตุผลข้างต้น สินค้า consumer product ที่วางขายในตลาด EU รวมทั้งสินค้านำเข้า จึงไม่ควรมีสาร DMF โดยใช้เกณฑ์ความเข้มข้นสูงสุดต้องไม่เกิน 0.1 mg/kg
- ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 (ค.ศ.2009) เป็นต้นไป ประเทศสมาชิก ควรจะแน่ใจว่าไม่มีสินค้า consumer product ที่มีสาร DMF วางจำหน่ายในตลาด EU และถอนสินค้าวางจำหน่ายที่มีสารดังกล่าวอยู่ ออกจากตลาด และเรียกคืนจากผู้บริโภค

4. ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยพิจารณาดำเนินการที่จำเป็น เพื่อให้ผู้ส่งออก/ผู้ประกอบการไทยทราบและปฏิบัติให้สอดคล้องตามประกาศดังกล่าว "

Dimethyl fumarate คืออะไร


ตามที่กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้เคยรายงานข่าวเกี่ยวกับข้อตัดสินใจของคณะกรรมาธิการยุโรปเรื่องการห้ามการใช้สารประเภท Dimethyl Fumarate (DMF) ในผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์และรองเท้าในประเทศสมาชิกอียูบางประเทศ เนื่องจากก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภค โดยอาจทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง ตามที่ได้รับแจ้งข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ และต่อมาได้มีผู้ประกอบการไทยหลายรายได้ติดต่อสอบถามเข้ามายังกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพื่อขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการห้ามใช้สาร DMF ดังกล่าว โดยขอทราบว่า หน่วยงานใดจะเป็นผู้ออกใบรับรองให้แก่สินค้าของบริษัทได้ เนื่องจากบริษัทของตนประสบปัญหาในการส่งออกสินค้าที่มีส่วนประกอบของสาร DMF ไปยังประเทศสมาชิกอียูบางประเทศ นั้น

กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จึงขอแจ้งรายชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบในการออกใบรับรองเกี่ยวกับการห้ามใช้สาร DMF (Dimethyl fumarate) ในสินค้าที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ได้แก่
1. กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โทรศัพท์ 02 201 7233

2. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

โทรศัพท์ 02 589 0022

3. นอกจากนี้ ยังมี Lab ของเอกชนซึ่งได้รับการรับรองจาก EU และสามารถออกใบรับรองเพื่อใช้ประโยชน์ในการนำเข้าสินค้าไทยต่อไป เช่น บริษัท SGS ติดต่อ 02 683 0541 ต่อ 2129

อนึ่ง ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฏระเบียบการห้ามใช้สาร DMF ได้ที่

สำนักมาตรการทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 02 547 4734

(อนุเคราะห์ข้อมูลโดยกองยุโรป 1 กรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ)

New Up Date

Manufacturing Idea © 2008 Template by Dicas Blogger.

TOPO